Siripohn's Insights (Blog)
Preparing Lac Insect Nests for Cultivation
ก่อนนำแมลงครั่งไปเลี้ยงบนต้นไม้ ต้องเตรียมรังของแมลงครั่งที่สมบูรณ์ที่ภายในรังมีแมลงครั่งอาศัยอยู่มากมาย การเตรียมคือใช้ฟางข้าวแห้งประมาณ 2 กำมือ แล้วแบ่งครึ่งแยกฟางข้าวออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆกัน วางเรียงกันตามแนวยาวโดยให้ด้านปลายของฟางข้าววางเหลื่อมติดต่อกัน จากนั้นใช้เชือกที่ทำจากผิวของลำไม้ไผ่ มามัดที่ฟางข้าวเพื่อเชื่อมให้ฟางข้าวกลายเป็นเส้นเดียวกัน จากนั้นจึงเอารังครั่งที่มีความยาวประมาณ 10 ซม.ซุกเข้าไปในฟางข้าว โดยเผื่อปลายฟางข้าวให้เหลือมากพอที่จะพับฟางข้าวมาทับบนรังครั่งได้จนมิด แล้วจึงใช้เชือกผิวไม้ไผ่มัดเพื่อตรึงรังครั่งไว้ในฟางข้าว ทำการวางศุกรังครั่งในลักษณะนี้ทั้งด้านซ้ายและขวา เมื่อฝังรังครั่งเสร็จทั้งสองด้าน จึงยกฟางข้าวขึ้นและหักฟางข้างตรงกลางเพื่อให้ฟางข้างงอในมุมประมาณ 90 องศา การหักฟางข้าวแบบนี้เพื่อให้สามารถนำไปวางให้เกาะติดกับกิ่งไม้ที่จะใช้เลี้ยงครั่งได้ สังเกตุเห็นได้ว่าวัสดุที่ใช้ในการเตรียมครั่งนี้ ใช้วัสดุจากธรรมชาติทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฟางข้าวหรือเชือกที่ใช้มัดฟางข้าว ทุกอย่างได้มาจากวัสดุรอบตัว ที่หลังจากใช้งานแล้วไม่กลายเป็นขยะที่จะเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ น่านับถือในคุณค่าของภูมิปัญญาโบราณของบรรพบุรุษของเราจริงๆ
ครั่งสำหรับย้อมผ้าในโทนสีชมพูถึงสีแดง
วันนี้ไปเรียนรู้เรื่องการเตรียมครั่งสำหรับเลี้ยงบนต้นไม้กับเครือข่ายChiangdao Learning Station ชื่อสวนกาละของคุณเอกที่อยู่ไม่ไกลจาก Chiangdao Blue ครั่งจะเริ่มเลี้ยงบนต้นไม้ในเดือนธันวาคมของฤดูหนาวเป็นเวลา 1 ปี สีชมพูถึงแดงจากครั่งที่ได้จากสิ่งที่คล้ายเรซิ่นสีแดงที่แมลงครั่งปล่อยออกมาเพื่อทำรังของตนเองนั้นมีการใช้ประโยชน์การเรซิ่นนี้อย่างหลากหลาย นอกจากการใช้ย้อมผ้าแล้ว ยังใช้pigment สีแดงจากครั่งในวงการยา อาหาร เครื่องสำอางค์และใช้ทำแชลแล็คได้ด้วย ถือเป็นแมลงตัวเล็กๆเหมือนตัวไร แต่เรซิ่นสีแดงที่ครั่งสร้างขึ้นนั้นมีประโยชน์มากมายอย่างน่าอัศจรรย์
Tataki-zome on Cotton-Linen Fabric Using Fresh Leaves of Local Assam Indigo
Tataki-zome (pounding) การย้อมโดยการทุบใบสดบนผ้าลินินผสมฝ้าย โดยใช้ ใบสดของต้นห้อมท้องถิ่นของภาคเหนือ 2 ชนิดคือ ชนิดใบใหญ่ที่พบได้ทั่วไปบนภูเขาของภาคเหนือ และชนิดใบเล็กที่ได้มาจากจังหวัดแพร่ เป็นชนิดใบเล็กที่เพิ่งเคยเห็น ความพิเศษของห้อม คือเป็นพืชให้สีครามเฉพาะท้องถิ่นและต้องการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมคือชอบที่ร่ม อากาศเย็นและชุ่มน้ำ ถ้าใบห้อมโดนแสงแดดจัดนานหลายชั่วโมง ใบจะเป็นสีเหลืองซึ่งจะมีผลไม่ดีต่อการให้สีคราม จากรูปใบข้างบนคือชนิดใบใหญ่และใบข้างล่างคือชนิดใบเล็ก
ต้นห้อมมีใบที่หนาจึงมีเปอร์เซนต์ของสีครามที่มาก และที่พิเศษกว่าพืชให้สีคราม ชนิดอื่นๆคือ สีครามในใบห้อมมีอยู่ทั้งในใบและกิ่งก้านของใบด้วย ในสมัยก่อนที่ยาฝรั่งจะแพร่หลาย คนในท้องถิ่นจะใช้ใบห้อมสดเป็นยาสมุนไพรในการลดไข้ ถอนพิษจากการถูกแมลงหรืองูกัด แต่ปัจจุบันนี้แทบไม่มีใครใช้แล้ว เพราะยาฝรั่งหาง่ายและใช้ง่ายกว่า แต่ภูมิปัญญาเรื่องห้อม ทั้งในฐานะที่เป็นยาสมุนไพรและที่ใช้ในการย้อมผ้าถือเป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีคุณค่าและควรต้องมีการสืบสานต่อยอดต่อไป
การแลกเปลี่ยนเชิงสร้างสรรค์ที่ Studio Chiangdao Blue
วันนี้ ฉันมีโอกาสได้สนทนาอย่างลึกซึ้งกับนักออกแบบกราฟิกจากเยอรมนี เราได้พบจุดร่วมในการพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทของเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล ด้วยแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแทบทุกอุตสาหกรรม เทคโนโลยีได้ช่วยทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็วขึ้น และลดความยุ่งยากในการทำงาน มันช่วยแก้ปัญหา ลดอุปสรรค และเพิ่มผลผลิตได้อย่างชัดเจน
แต่ในฐานะมนุษย์ ยังมีอีกแง่มุมหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันซึ่งควรดำเนินควบคู่ไปกับเทคโนโลยี นั่นคือ ศิลปะและงานฝีมือดั้งเดิม ทักษะเหล่านี้ที่สืบทอดมาจากภูมิปัญญาโบราณสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ของเรา มันช่วยเตือนให้เราระลึกถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม รากเหง้าที่หลากหลาย และมรดกอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนำมาซึ่งความภาคภูมิใจและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน
ในโลกที่คนหนุ่มสาวจำนวนมากทำงานใกล้ชิดกับเทคโนโลยีในแต่ละวัน การหาช่องทางในการสัมผัสงานฝีมือดั้งเดิมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยอนุรักษ์ทักษะอันล้ำค่า แต่ยังช่วยสร้างสมดุลให้กับจิตใจและจิตวิญญาณ ช่วยให้เรารู้สึกมั่นคงและเชื่อมโยงกับรากเหง้าของตนเอง
ฉันรู้สึกยินดีและได้รับแรงบันดาลใจจากการได้เชื่อมต่อกับผู้คนจากหลากหลายประเทศที่มารวมตัวกันที่ Studio Chiangdao Blue ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สำหรับเวิร์กช็อปย้อมครามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนความคิดและเรียนรู้จากกันและกัน ผ่านการถักทอเรื่องราวของชีวิตผ่านเลนส์ของครามธรรมชาติ
ฉันรู้สึกขอบคุณที่ Studio Chiangdao Blue มอบบรรยากาศที่เอื้อต่อการสร้างความเชื่อมโยงที่มีความหมาย
ประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
เมื่อวานนี้ หลังจากที่คุณแม่และลูกชายทำเวิร์กช็อปย้อมครามเสร็จคุณแม่ชาวอเมริกัน ก็ขอถ่ายรูปกับแม่ของฉันซึ่งมีอายุ 90 ปี ก่อนที่จะเดินทางกลับ บางทีอาจเป็นเพราะในระหว่างเวิร์กช็อป แม่ของฉันได้แสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อพวกเขาที่ได้พยายามเช่ารถและเดินทางมาไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งใช้เวลารวมทั้งไปและกลับถึงสามชั่วโมง
ตลอดระยะเวลา 3-4 ชั่วโมงของเวิร์กช็อป แม่ของฉันก็ไม่อยู่นิ่ง เธอได้นั่งทำลวดลาย shibori บนผ้าของเธอ แม้จะมีอุปสรรคด้านภาษา แต่แม่ก็พยายามสื่อสารกับลูกค้าด้วยภาษาไทย ซึ่งลูกค้าก็รับรู้ถึงความอบอุ่นและการต้อนรับที่มาจากใจของแม่ หลังจากที่แม่ของฉันได้โชว์ลวดลายชิโบริที่แม่ออกแบบด้วยตนเอง ลูกชายก็ได้ชอบลวดลายของแม่และใช้เป็นแรงบันดาลใจในการทำลวดลายบนเสื้อยืดของเขาเอง
บรรยากาศในเวิร์กช็อปอบอุ่น ผ่อนคลาย และเป็นกันเอง เรามีแม่ มีตัวฉัน และมีลูกค้าคุณแม่และลูกชาย เหมือนมีคน 4 รุ่น คือวัย 10 40 60 และ 90 มาใช้เวลาด้วยกัน
หากคุณเป็นคนที่ชอบหาประสบการณ์ใหม่ๆ ชอบเรียนรู้ หรือชแบทำงานฝีมือ ฉันขอเชิญชวนให้มาสัมผัสประสบการณ์ workshops ย้อมครามในบรรยากาศส่วนตัว เป็นกันเองและได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติอันสวยงามของเชียงดาว
ย้อมผ้าด้สยครามธรรมชาติ: ประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับคุณและคนที่คุณรัก
ย้อมครามธรรมชาติเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจ เหมาะสำหรับการสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืม นอกจากจะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้ด้วยการลงมือทำ และให้คุณได้สร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์และใช้งานได้จริงด้วยสองมือของคุณเอง
หลายวันก่อน คุณปลา นักบำบัดและครูสอนบำบัด ได้มาทำ workshops ย้อมครามเพื่อฉลองวันเกิดของเธอเอง เธอย้อมผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่และผ้าโพกหัว bandana ด้วยเทคนิคอิทา-จิเม (clamping) และยังคืนความสดใสให้กับเสื้อเก่าตัวโปรดด้วยเฉดสีครามใหม่อีกด้วย
ในแนวคิดคล้ายๆ กัน คู่รักจากสหรัฐอเมริกาคู่หนึ่งได้เลือกฉลองครบรอบแต่งงาน 50 ปี ด้วยการดื่มด่ำในกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ระหว่างทริปที่เชียงใหม่ ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์ของการฉลองคือการได้สัมผัสกับศิลปะการย้อมครามกับเรา
สำหรับโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นของคุณเองหรือกับคนที่คุณรัก กิจกรรมเหล่านี้มอบโอกาสอันมีคุณค่าในการเชื่อมโยงและสร้างสรรค์การทำชิ้นงานซึ่งเต็มไปด้วยความงดงามและความทรงจำที่น่าประทับใจ
โครงการ "Young Local Entrepreneur"
โครงการ "Young Local Entrepreneur" :: Studio Chiangdao Blue ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน learning station ในโครงการการเรียนรู้ทั้งหมดที่จัดโดย Makampom Art Space กำลังจัดกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับเด็กและเยาวชนในท้องถิ่น โดยเน้นการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างความยั่งยืน กิจกรรมนี้จะพาเยาวชนเรียนรู้ศิลปะการย้อมครามธรรมชาติในแนวคิด "From Seed to Dye" ซึ่งเป็นการเดินทางที่ Chiangdao Blue ได้บ่มเพาะมา
ในเวิร์กช็อปก่อนหน้านี้ เด็กๆ ได้มาสำรวจสตูดิโอย้อมคราม เรียนรู้เกี่ยวกับการปลูก การสกัดสี การก่อหม้อครามด้วยสูตรธรรมชาติ และกระบวนการออกแบบและย้อมผ้าด้วยคราม พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์จากต้นกำเนิดครามในธรรมชาติสู่ผ้า และเมื่อได้ลงมือทำเองก็ทำให้พวกเขามีความเข้าใจในงานหัตถกรรมและภูมิปัญญาดั้งเดิมอย่างลึกซึ้ง
ครั้งนี้ เราตื่นเต้นที่จะก้าวไปอีกขั้นกับกิจกรรมใหม่ “Young Local Entrepreneur” ซึ่งออกแบบมาสำหรับเยาวชนในท้องถิ่นที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป นอกจากการเรียนรู้การย้อมครามแล้ว นักเรียนยังจะได้รับการกระตุ้นให้ตั้งคำถาม สำรวจ และระดมความคิดเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะเหล่านี้ให้สามารถต่อยอดเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้ อ่านแค่ตรงนี้ก็น่าสนใจ ตื่นเต้น และท้าทายมากแล้ว
ในฐานะที่ Studio Chiangdao Blue เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนเชียงดาว เราไตร่ตรองอยู่เสมอว่าจะทำอะไรเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเยาวชนที่อยู่ในวัยแห่งการเรียนรู้ เราหวังที่จะมอบทักษะที่หลากหลายและเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนได้ค้นพบความชอบและจุดแข็งของตนเอง ผ่านการเดินทางนี้ พวกเขาจะค่อยๆ เห็นเส้นทางในอนาคตของตนเองและสร้างอนาคตในแบบที่ตนเองมีส่วนในการออกแบบ
"นกยูง": นักเรียนฝึกงานช่วงโรงเรียนปิดเทอมที่เชียงดาวบลูสตูดิโอ"
ในการฝึกงานครั้งก่อน นกยูงได้ฝึกตัดกระดาษลายฉลุเพื่อนำไปใช้ในเทคนิคการทำลวดลายบนผ้าชื่อ Katazome และในช่วงปิดเทอมของเดือนตุลานี้ เธอจะได้เรียนรู้ศิลปะการทำลวดลายผ้าด้วยเทคนิคชิโบริและIta-Jime นกยูงเป็นเด็กสาวเชื้อสายไทใหญ่ที่พ่อแม่อพยพมาจากทางตอนเหนือของเมียนมา ตอนนี้เธออายุ 16 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนที่เชียงดาว
นกยูงเป็นเด็กหญิงที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจสูง เธอมีพรสวรรค์ด้านงานฝีมือที่ละเอียดและประณีต ทางสตูดิโอของเราชวนเธออีกครั้งให้มาเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อที่จะสามารถรับงานพิเศษของสตูดิโอไปทำที่บ้านได้ เธอรู้สึกภูมิใจและตื่นเต้นที่จะสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง และซื้อของใช้ส่วนตัวโดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่
Mindful Moments Through Hand-Drawn Expressions
บันทึกเรื่องราว moment ที่มีความหมายด้วยภาพในสไตล์ของเราเองด้วยมือของเรา ตามความรู้สึกที่พาไป ไม่ว่าจะเป็นรูปสเก๊ตง่ายๆ กับเนื้อหาสั้นๆ หรือ illustration ในขณะที่เรากำลังย้อนนึกถึง moment นั้นๆแล้วถ่ายทอดเนื้อหาและความรู้สึกออกมา ชั่วขณะนั้นผ่านมือของเราเองก็เป็นช่วง mindfulness ที่น่าประทับใจอีกแบบหนึ่ง ที่แตกต่างจากใน moment ที่เรากำลังทำกิจกรรม รูปที่เขียนไม่จำเป็นต้องสวย ความหมายอยู่ที่เราทำมันด้วยมือและความรู้สึกดีๆของเรา
Sakiori: ผ้าทอแนวรักษ์โลกที่ใครๆก็สามารถสร้างสรรค์และสนุกได้
ที่ Studio Chiangdao Blue มีการใช้เทคนิคการทอผ้าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า "Sakiori" โดย "Saki" หมายถึงการตัดผ้าเป็นเส้นยาว ๆ กว้างประมาณ 1 ซม. และ "ori" หมายถึงการทอ สิ่งสำคัญของ Sakiori คือการนำเสื้อผ้าเก่าหรือเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้แล้ว ไม่ว่าจะขาดหรือมีรอยเปื้อน กลับมาใช้ใหม่แทนที่จะทิ้งไป เราจะตัดผ้าเป็นเส้นแล้วใช้เป็นเส้นพุ่งในการทอบนกี่ทอขนาดเล็กที่สามารถวางบนโต๊ะได้อย่างสะดวก เหมาะสำหรับเป็นงานอดิเรกที่ทำได้อย่างผ่อนคลาย
หน้ากว้างของผ้าที่ทอด้วยSakiori มักจะไม่เกิน 50 ซม. ผ้าที่ได้จะค่อนข้างหนาและมี texture ที่น่าสนใจ ซึ่งเหมาะสำหรับการสร้างสรรค์งานเรียบง่าย เช่น tote bag กระเป๋าเครื่องสำอางค์ tapestry หรือ table runner หนึ่งในความพิเศษของ Sakiori คือทุกคนสามารถทอได้ ไม่ว่าจะมีประสบการณ์หรือไม่ก็ตาม เพียงเลือกสีของผ้าที่ตัดเป็นเส้น แล้วทอเป็นเส้นแนวนอน เป็นวิธีที่สนุกและง่ายในการผสมผสานสีสัน ทำให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้ กิจกรรมนี้ช่วยผ่อนคลายและมีสมาธิขณะที่ลงมือทอ เมื่อทอเสร็จแล้วจะรู้สึกภาคภูมิใจในฝีมือของตัวเอง และเกิดความผูกพันกับผ้าทอผืนนั้น
Sakiori นำเสนอประสบการณ์ที่ให้คุณได้อยู่เงียบๆกับตัวเอง ชวนให้คุณได้ชะลอจังหวะชีวิตและใช้เวลากับตัวเองอย่างสงบสุข การมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้อาจทำให้คุณมองสิ่งรอบตัวต่างออกไป เข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างตัวเองกับโลก และค้นพบวิธีใหม่ ๆ ในการนำสิ่งที่คุณมีอยู่กลับมาใช้ใหม่และชื่นชมมันมากขึ้น
มาลองสัมผัสประสบการณ์ ทอผ้า Sakiori แล้วคุณอาจจะหลงรัก และอาจจะเปิดมุมมองใหม่ๆให้เราในเรื่องการใช้ประโยชน์สิ่งของต่าง ๆ ในชีวิต
ให้งานcrafts ช่วยให้ผู้สูงอายุของคุณรู้สึกได้ถึงอิคิไง (ikigai)ในทุกๆกันกันเถอะ
เมื่อ 7 ปีที่แล้วฉันพาแม่ย้ายออกจากในตัวเมืองเชียงใหม่ มาฉันอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆในชนบทของอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ปีนี้แม่อายุ 90 ปีแล้ว แม่เป็นโรคกระดูกทำให้เดินเองไม่ค่อยได้ ต้องมีคนช่วยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากโรคกระดูก แม่ของฉันแข็งแรงเพราะไม่มีโรคความดันหรือเบาหวาน แม่เป็นคนกระฉับกระเฉง ความจำดีและมีนิสัยชอบหาอะไรทำตลอดเวลา เพราะถ้าอยู่เฉยๆ แม่จะฟุ้งซ่านและอารมณ์ไม่ดี แต่ถ้าแม่มีอะไรที่focus ได้ แม่จะสามารถจดจ่ออยู่กับกิจกรรมนั้นๆได้นานเป็น 2~3 ชั่วโมง
เนื่องจากฉันทำงานย้อมผ้าครามธรรมชาติ เมื่อ4~5 ปีก่อน จึงเริ่มลองให้แม่ทำกิจกรรมมัดย้อมผ้า bandana หรือ Furoshiki ในภาษาญี่ปุ่น ขนาดประมาณ 70x70 cm. เพื่อใช้สำหรับเป็น packaging ห่อเสื้อผ้าที่ลูกค้าของเราซื้อ จะได้ช่วยลดปริมาณขยะประเภทถุงใส่ของ และผ้านี้ลูกค้าสามารถเอาไปใช้ต่อได้
ตอนแรกๆ ฉันแนะนำเทคนิค shibori ซึ่งเป็นพื้นฐานในการทำลวดลายผ้าในสไตล์ญี่ปุ่น
แม่สามารถสนุกกับกิจกรรมมัดย้อม shibori ได้ไม่ยาก และสิ่งที่สำคัญที่แม่รู้สึก Wow! อย่างตื่นเต้นและมีความสุขคือ ขั้นตอนการแกะผ้าหลังจากย้อมเสร็จเพื่อดูลวดลายที่ตัวเองทำ สีหน้า รอยยิ้มและเสียงหัวเราะในแต่ละครั้งที่แม่แกะผ้า คือ magic moment ที่รู้สึกได้ว่า นั่นคือ sense of fulfillment ของแม่ในทุกๆครั้งที่ทำงานกับผ้า
ในระหว่าง 4~5 ปีที่แม่ทำมัดย้อมshibori เป็นงานอดิเรกมาเรื่อยๆ วันละ 1 ผืน บางวันก็ 2~3 ผืน หรือบางวันไม่ทำแล้วแต่อารมณ์ของแม่ สื่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อแม่เข้าใจว่าลวดลายบนผ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร แม่จะเริ่ม create ลวดลายใหม่ด้วยจินตนาการของตนเอง และเริ่มรู้ว่าต้องบิดผ้ายังไง ต้องรัดผ้าด้วยยางรัดของ ให้หลวมหรือแน่นแค่ไหนเพื่อให้ได้ลวดลายที่ต้องการ
จากประสบการณ์จริงที่ได้เห็นแม่ทำกิจกรรมมัดย้อมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกประทับใจว่า กิจกรรมมัดย้อม shibori ช่วยให้แม่ของฉันมีสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่านคิดมาก และช่วยให้แม่รู้สึกได้ถึงอิคิไง (ikigai) ของตัวเองในทุกๆวัน
อยากแชร์ประสบการณ์นี้เพื่อเป็นข้อมูลทางเลือกให้ลูกๆที่ต้องดูแลพ่อแม่สูงวัย หรือหลานๆที่ต้องช่วยดูแลปู่ย่าตายาย หากิจกรรมที่เป็นงานทำมือง่ายๆ ที่ผู้สูงวัยสนใจ หรือพอมีทักษะอยู่บ้าง ให้ท่านได้สนุกและได้รู้สึกถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่ในทุกๆวัน
Homegrown indigo paste
รูปโชว์ขั้นตอนการกรองด้วยผ้ากรองเนื้อละเอียด เพื่อเก็บ blue pigment ในสภาพของ indigo paste
(ในรูปคือ indigo paste ที่สกัดจากใบครามพันธุ์ indigofera tinctoria)
ปกติเราใช้ indigo paste ทำ indigo dye pot โดยผสมกับน้ำด่างจาก limestone powder และน้ำมะขามเปรี้ยวในฐานะที่เป็น reducer ส่วนผสมทั้ง 3 ชนิด คือ indigo paste น้ำด่างและน้ำมะขามในอุณหภูมิที่เหมาะสม จะทำให้เกิดปฎิกริยา reduction เปลี่ยนสภาพของครามสีน้ำเงินที่เป็นของแข็งที่ไม่ละลายน้ำ ให้อยู่ในรูปที่สามารถละลายน้ำได้ในสภาพของเหลวสีเหลิอง
เมื่อจุ่มผ้าในน้ำย้อมสีเหลือง และเอาผ้าที่ย้อมออกจากหม้อย้อม สีเหลิองจะจับกับอ๊อกซิเจนในอากาศแล้วเปลี่ยนกลับคืนเป็นสีน้ำเงินซึ่งเป็นของแข็งที่ไม่ละลายน้ำในสภาพดั้งเดิมอีกครั้ง ในตอนนี้สีครามที่oxidise แล้ว จะถูกกักขังอยู่ภายในโครงสร้างของเส้นใยผ้า ซึ่งกระบวนการเหล่านี้คือ การย้อมผ้าด้วยสีคราม ความจริงแล้วสีครามมีคุณสมบัติติดสีได้ในระดับ "ดี" ในเส้นใยธรรมชาติประเภทเส้นใยcellulose เราจึงยังเห็นผ้าย้อมครามในสมัยโบราณเมื่อกว่า 1000 ปีที่แล้ว ที่ยังเห็นเป็นสีครามอยู่ จนถึงปัจจุบัน จุดอ่อนของผ้าย้อมครามคืออ่อนแอต่อการขัดสี สีครามจะถลอกได้เมื่อถูกขัดสีบ่อยๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าสีครามธรรมชาตินั้น แม้สีจะถลอกเพราะถูกขัดสี ก็จะดูสวยไปอีกแบบในแนว vintage blue คุณสมบัตินี้คือความพิเศษของสีครามจากธรรมชาติที่สีครามเคมีไม่สามารถเลียนแบบได้
Painting with natural blue from plants
แม่สีน้ำเงินที่สกัดจากธรรมชาติ นอกจากหิน เช่น lapis lasuri ก็จะมีสีครามที่สกัดจากใบของต้นคราม ถือเป็นแหล่งสีน้ำเงินที่ได้จากต้นไม้ที่น่าสนใจมาก เพราะมีต้นไม้น้อยมากๆที่ให้สีน้ำเงิน วัฒนธรรมการย้อมครามธรรมชาตินั้นเป็นเสมือนของขวัญจากพระเจ้าที่มอบให้แก่ชาวโลกในทุกๆทวีป ไม่ว่าจะเป็นเอเซีย ยุโรป อาฟริกาหรืออเมริกาใต้ แต่ละภูมิภาคก็มีทักษะการย้อมครามที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ การใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นในการทำหม้อครามให้พร้อมสำหรับการย้อมผ้า สำหรับประเทศไทย ที่ Studio Chiangdao Blue เราปลูกคราม 4 ชนิดคือ indigofera tinctoria indigofera suffruticosa strobilanthes cusia (assam indigo)และ persicaria tinctoria (Japanese indigo) เพื่อสกัดสีครามจากใบคราม
สำหรับใช้กับงานย้อมผ้าครามของเราเอง จุดประสงค์หลักที่เราใช้ concept "from seed to dye" เพราะต้องการทำ indigo paste ที่มีเปอร์เซ็นต์ของ blue pigment ที่สูงเท่าที่เราต้องการ และเราสามารถควบคุมคุณภาพของเนื้อครามด้วยการกรองด้วยผ้ากรองที่มีความละเอียดสูง เพื่อให้ได้เนื้อครามที่เนียน ละเอียดดีพอจนสามารถใช้ indigo paste กัยงาน painting บนกระดาษหรือบนผ้าได้ด้วย ลูกค้าที่มาทำ indigo dye workshops กับเรา และถ้าเรารู้ว่าลูกค้าชอบการ paint เราก็มักจะชวนให้ลูกค้า paint ด้วย homegrown indigo paste บนการดาษวาดรูปสีน้ำด้วย
*รูปที่โชว์ คือผลงานของลูกค้าหญิงสองพี่น้องชาวอิสราเอล ทั้งสองคน paint ด้วยกันทำผลงานชิ้นนี้ด้วยกัน มันช่างสวยงามและน่าอัศจรรย์มาก
หากคุณสนใจอยาก paint ด้วย indigo paste มาหาเราได้ เรายินดีต้อนรับค่ะ
คำตอบและความเป็นไปได้ใหม่ๆส่วนหนึ่งอยู่ที่ภูมิปัญญาดั้งเดิม (local wisdom)
จากการที่ฉันได้มีโอกาสทำงาน project ระยะสั้นมาหลายปี เกี่ยวกับการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ได้ร่วมทำงานกับช่างฝีมือท้องถิ่น นักศึกษาที่เรียนด้านการออกแบบ และนักออกแบบมืออาชีพทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่น ในแต่ละปีฉันได้เดินทางแบบ field trip ไปหลากหลายหมู่บ้านในหลายๆจังหวัด มีทั้งหมู่บ้านของคนท้องถิ่นและกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนภูเขา (hill tribes) ทำให้มีโอกาสได้สัมผัสงานหัตถกรรมท้องถิ่นจากหลากหลายวัฒนธรรมย่อย (sub local cultures) ที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติหลากหลายชนิด ทั้ง เส้นใย ผืนผ้า กระดาษ ไม้ไผ่ เซรามิคส์และอื่นๆ ทุกครั้งที่ได้ไป field trip จะรู้สึกทึ่งและชื่นชมในทักษะ ฝีมือ และความคิดสร้างสรรค์ที่มีพื้นฐานมาจากการใช้ชีวิตและคุ้นเคยกับวัสดุธรรมชาติรอบๆตัว หลายๆทักษะที่เห็นจากช่างฝีมือชาติพันธุ์นั้นช่างเรียบง่ายแต่ใช้ประโยชน์ได้จริงโดยที่ไม่สร้างปัญหาให้สิ่งแวดล้อม และไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมืออะไรที่ซับซ้อนเลย
มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้คิดได้ว่า บางครั้งเทคนิคและฝีมือที่สั่งสมกันมาหลายชั่วคน ส่วนหนึ่งคือการรู้จักและเข้าใจในคุณสมบัติและจุดอ่อนจุดแข็งของวัสดุที่เราใช้อยู่ผ่านประสบการณ์การลองผิดลองถูก และความสามารถในการสังเกตุ วิเคราะห์และใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้น่าจะเป็นความสามารถดั้งเดิมที่มีอยู่แล้วในมนุษย์ทุกคน
บางครั้งความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากจนเกินไป ในโลกที่มีทุกสิ่งทุกอย่างรอให้ซื้อมาด้วยเงิน อาจบั่นทอนศักยภาพดั้งเดิมเหล่านี้ในคนยุคนี้ก็เป็นได้
การที่จะได้มีโอกาสกลับมาเปิดสวิชท์ศักยภาพดั้งเดิมในตัวของเรา เป็นอะไรที่น่าสนใจ สนุกและท้าทาย เพราะความสามารถดั้งเดิมเหล่านี้ สามารถเชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่อง "ความหมายและคุณค่า" ในการใช้ชีวิต
ในระยะหลัง เรามักจะได้ยินผู้คนพูดถึง แนวความคิดของญี่ปุ่นเรื่อง "Iki-gai" และพยายามที่จะเข้าใจ "ความหมายของการมีชีวิตอยู่" โดยส่วนตัวฉันคิดว่าความเข้าใจจากการอ่านเรื่องเหล่านี้ในหนังสือนั้นก็ดี และจะดียิ่งขึ้นถ้าเราสามารถเข้าใจ "Iki-gai" ได้จากความรู้สึกผ่านการทำกิจกรรมเล็กๆ ที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการทำสวน ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร ทำงานศิลปะ หรืองานเย็บปักถักร้อยต่างๆ พราะในการทำกิจกรรมจะมีกระบวนการทำงาน (process) ที่เราสามารถมีประสบการณ์ตรงกับ process ได้อย่างมีสมาธิ ได้ใช้ตา หู และสองมือของเราไปพร้อมๆกับความคิดสร้างสรรค์ ในหลายๆครั้ง เราจะสนุกกับ process จนรู้สึกว่าได้ค้นพบช่วงเวลาแห่งความสุขและความหมายของการใช้ชีวิตผ่านโมเม้นท์เล็กๆ เหล่านี้
การพาตัวเองออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ที่คุ้นเคย มาหาสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ มาใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 กับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เราเลือกเอง อาจทำให้เราได้ค้นพบความเป็นไปได้และศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา อาจจะเป็นศักยภาพที่เป็นคำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับชีวิต ที่เราชอบถามตัวเองบ่อยๆ ก็เป็นได้